ครั้งก่อนตอนที่ผม มาเที่ยวภูเก็ตเป็นครั้งแรก ย้อนไปเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ภูเก็ตรุ่งเรืองมากในช่วงนั้น มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ เข้ามาเที่ยวกันมาก ตามหน้าหาดต่างๆจะมีนักท่องเที่ยวนอนอาบแดดอย่างหิวกระหายแดด ปานนั้น ร่มชาดหาดกางเป็นสีสันเต็มหน้าหาด มีพ่อค้า แม่ค้า บ้างเดินขายของกับนักท่องเที่ยว บ้างมีร้านขายของบนชาดหาด เต็มพื้นที่ไปหมด
ผมมีญาติอยู่ที่นี่ ตอนมาใหม่ๆ ญาติพาผมมาเดินดูเต่า เพราะมันจะขึ้นมาวางไข่ที่หาด สุรินทร์ ได้เห็นตอนค่ำๆ ดึกๆ แต่มีแค่ ตัว สองตัว เท่านั้น ณ.ปัจจุบันไม่มีแล้ว เพราะด้วยผู้คนเยอะ และความเจริญต่างเข้ามา มีร้านอาหารเข้ามาเปิดบริการ อยู่บริเวณหน้าหาดเต็มพื้นที่ เต่าจึงไม่กล้าขึ้นมาวางไข่
ภูเก็ตเมื่อ 20 ปีก่อนผมว่ารายได้หลักๆ มาจากนักท่องเที่ยวเสียส่วนใหญ่ ผลประโยชน์ที่ได้จากนักท่องเที่ยวจะไปตกที่ โรงแรม พนักงานโรงแรม ผู้ค้าขาย อาหาร ผู้ขับแท๊กซี่ ธุรกิจทัวร์ เช่น การพาชม ดำน้ำ เที่ยวตามเกาะต่างที่มีอยู่มากมาย ในภูเก็ต และบริเวณใกล้เคียง จังหวัดพังงา กระบี่ เป็นต้น
เช่นนั้นรายได้หลักๆของภูเก็ตคือ การท่องเที่ยวโดยมาอันดับ1 ทำให้มีการขยายตัว เพิ่มการเข้ามาหางานทำกันมาก อาชีพที่เข้ามามากที่สุดรองจาก งานโรงแรมจะเป็น ธุรกิจก่อสร้าง เพราะต้องขยายรองรับความต้องการของนักท่องเที่ยว ด้านที่อยู่อาศัย ที่พักนักท่องเที่ยว ดังนั้นรายได้รองลงมาอันดับ 2 คือ ธุรกิจก่อสร้าง ห้างสรรพสินค้า เช่น เซนทรัลก็เพิ่งเข้ามาเมือ 10 ปีที่แล้ว นับจากปี 2015 ลงไป เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว
ผมจะสรุป รายได้ทำเงินของภูเก็ต ตามลำดับ
1.โรงแรม ที่พัก
2. ธุรกิจ ด้านอสังหาริมทรัพย์
3. ธุรกิจอาหาร
4. แหล่งท่องเที่ยว ทางธรรมชาติ แสดงโชว์ ต่างๆ
5. ธุรกิจในท้องถิ่น ต่างๆ
6. อื่นๆ
เห็นได้ว่า รายได้หลักๆ มาจากการท่องเที่ยว แต่ถ้าภาวะเศรษฐกิจโลกผันผวน เช่น ยุคแฮมเบอร์ของสหรัฐ ค่าเงินยูโร ที่ผ่านมา เศรษฐกิจของภูเก็ตโดนกระทบ ที่ผ่านมา ตอนนี้ล่าสุดปี 2014 รัสเซีย ก็มีภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ภูเก็ตก็โดนเช่นกัน ณ ปัจจุบัน ทั้งๆที่รัสเซีย ยังเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวใหม่ของภูเก็ต แต่มาเกิดวิกฤติเศรษฐกิจภายในประเทศจึงทำให้นักท่องเที่ยวชะลอการเข้ามาท่องเที่ยวในภูเก็ต
แต่ยังดีที่มีนักท่องเที่ยว จากจีนเข้ามาตลอดทั้งปี จึงยังประคองให้ ธุรกิจด้านการท่องเที่ยวยังคงดำเนินได้เรื่อยๆ เพราะทวีปเอเชียไม่ค่อยมีผลกระทบทางเศรษฐกิจเท่าใด มี แต่น้อย
ภูเก็ตของเราทำเงินกับการท่องเที่ยวจริง แค่ไม่กี่เดือน คือหน้าฤดูการท่องเที่ยว ตั้งแต่เดือน พฤศจิกายน - มีนาคม เมษาปลายๆ ยังได้อยู่ เท่ากับ แค่ 5-6 เดือนเท่านั้น แล้วหลังจากนั้นละ ?
หลังจากนั้นเป็นหน้าฤดูของการ ทำเงินด้านธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์ การก่อสร้าง เพิ่มเติม ซ่อมแซม บูรณะ
ช่วงที่ไม่ใช่ฤดูกาลท่องเที่ยว ของภูเก็ตซึ่งยาวนาน ประมาณ พฤษภาคม- ตุลาคม ประมาณ 6 เดือน ทางโรงแรมจะให้พนักงานลากลับบ้าน หรือ ให้ หยุดยาวๆ เพราะไม่มีงานให้ทำ แต่ยังคงมีเงินเดือน แต่ service Charge จะได้น้อยมาก ทำให้บ้างคนต้องมองหา อาชีพเสริม เพื่อให้เพียงพอต่อรายได้ ที่ต้องใช้จ่าย ขายของ หรือขายอะไรดี จึงเป็น อาชีพรองของพนักงานโรงแรม
ภูเก็ตเป็นเช่นที่กล่าวมาจริงๆ ช่วงหน้าท่องเที่ยว รายได้การจับจ่ายจะคล่องไปหมด ทั้งการท่องเที่ยว และการจับจ่ายภายในจังหวัด
ขายอะไรดี และ อาชีพเสริมของพนักงานโรงแรมจึงจำเป็น สำหรับ หน้า Low Season คนที่เข้ามาทำงานโรงแรมควรเข้าใจในประเด็นนี้ด้วย จะได้ปรับตัวให้ทัน
ใช่ว่าจะเป็นเฉพาะพนักงานโรงแรม อย่างเดียว อาชีพช่างต่างๆ การก่อสร้างก็ต้องเข้าใจไว้ด้วยว่า เศรษฐกิจภูเก็ตมันเป็นเช่นนี้จริงๆ
ผู้เขียนจึงอยากให้ผู้ที่เข้ามาหางานทำในภูเก็ต ควรจะมองหา อาชีพเสริม หรือ หากเข้ามาเป็นครอบครัว เช่น มี ภรรยาหรือสามี ควรให้หาอาชีพเสริมรองรับไว้ อาจจะขายของอะไรก็ได้ที่ถนัด รับงานมาทำที่บ้าน มองหาของ ค้าขายอะไรดี
ผมมีญาติอยู่ที่นี่ ตอนมาใหม่ๆ ญาติพาผมมาเดินดูเต่า เพราะมันจะขึ้นมาวางไข่ที่หาด สุรินทร์ ได้เห็นตอนค่ำๆ ดึกๆ แต่มีแค่ ตัว สองตัว เท่านั้น ณ.ปัจจุบันไม่มีแล้ว เพราะด้วยผู้คนเยอะ และความเจริญต่างเข้ามา มีร้านอาหารเข้ามาเปิดบริการ อยู่บริเวณหน้าหาดเต็มพื้นที่ เต่าจึงไม่กล้าขึ้นมาวางไข่
ภูเก็ตเมื่อ 20 ปีก่อนผมว่ารายได้หลักๆ มาจากนักท่องเที่ยวเสียส่วนใหญ่ ผลประโยชน์ที่ได้จากนักท่องเที่ยวจะไปตกที่ โรงแรม พนักงานโรงแรม ผู้ค้าขาย อาหาร ผู้ขับแท๊กซี่ ธุรกิจทัวร์ เช่น การพาชม ดำน้ำ เที่ยวตามเกาะต่างที่มีอยู่มากมาย ในภูเก็ต และบริเวณใกล้เคียง จังหวัดพังงา กระบี่ เป็นต้น
เช่นนั้นรายได้หลักๆของภูเก็ตคือ การท่องเที่ยวโดยมาอันดับ1 ทำให้มีการขยายตัว เพิ่มการเข้ามาหางานทำกันมาก อาชีพที่เข้ามามากที่สุดรองจาก งานโรงแรมจะเป็น ธุรกิจก่อสร้าง เพราะต้องขยายรองรับความต้องการของนักท่องเที่ยว ด้านที่อยู่อาศัย ที่พักนักท่องเที่ยว ดังนั้นรายได้รองลงมาอันดับ 2 คือ ธุรกิจก่อสร้าง ห้างสรรพสินค้า เช่น เซนทรัลก็เพิ่งเข้ามาเมือ 10 ปีที่แล้ว นับจากปี 2015 ลงไป เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว
ผมจะสรุป รายได้ทำเงินของภูเก็ต ตามลำดับ
1.โรงแรม ที่พัก
2. ธุรกิจ ด้านอสังหาริมทรัพย์
3. ธุรกิจอาหาร
4. แหล่งท่องเที่ยว ทางธรรมชาติ แสดงโชว์ ต่างๆ
5. ธุรกิจในท้องถิ่น ต่างๆ
6. อื่นๆ
เห็นได้ว่า รายได้หลักๆ มาจากการท่องเที่ยว แต่ถ้าภาวะเศรษฐกิจโลกผันผวน เช่น ยุคแฮมเบอร์ของสหรัฐ ค่าเงินยูโร ที่ผ่านมา เศรษฐกิจของภูเก็ตโดนกระทบ ที่ผ่านมา ตอนนี้ล่าสุดปี 2014 รัสเซีย ก็มีภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ภูเก็ตก็โดนเช่นกัน ณ ปัจจุบัน ทั้งๆที่รัสเซีย ยังเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวใหม่ของภูเก็ต แต่มาเกิดวิกฤติเศรษฐกิจภายในประเทศจึงทำให้นักท่องเที่ยวชะลอการเข้ามาท่องเที่ยวในภูเก็ต
แต่ยังดีที่มีนักท่องเที่ยว จากจีนเข้ามาตลอดทั้งปี จึงยังประคองให้ ธุรกิจด้านการท่องเที่ยวยังคงดำเนินได้เรื่อยๆ เพราะทวีปเอเชียไม่ค่อยมีผลกระทบทางเศรษฐกิจเท่าใด มี แต่น้อย
ภูเก็ตของเราทำเงินกับการท่องเที่ยวจริง แค่ไม่กี่เดือน คือหน้าฤดูการท่องเที่ยว ตั้งแต่เดือน พฤศจิกายน - มีนาคม เมษาปลายๆ ยังได้อยู่ เท่ากับ แค่ 5-6 เดือนเท่านั้น แล้วหลังจากนั้นละ ?
หลังจากนั้นเป็นหน้าฤดูของการ ทำเงินด้านธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์ การก่อสร้าง เพิ่มเติม ซ่อมแซม บูรณะ
ช่วงที่ไม่ใช่ฤดูกาลท่องเที่ยว ของภูเก็ตซึ่งยาวนาน ประมาณ พฤษภาคม- ตุลาคม ประมาณ 6 เดือน ทางโรงแรมจะให้พนักงานลากลับบ้าน หรือ ให้ หยุดยาวๆ เพราะไม่มีงานให้ทำ แต่ยังคงมีเงินเดือน แต่ service Charge จะได้น้อยมาก ทำให้บ้างคนต้องมองหา อาชีพเสริม เพื่อให้เพียงพอต่อรายได้ ที่ต้องใช้จ่าย ขายของ หรือขายอะไรดี จึงเป็น อาชีพรองของพนักงานโรงแรม
ภูเก็ตเป็นเช่นที่กล่าวมาจริงๆ ช่วงหน้าท่องเที่ยว รายได้การจับจ่ายจะคล่องไปหมด ทั้งการท่องเที่ยว และการจับจ่ายภายในจังหวัด
ขายอะไรดี และ อาชีพเสริมของพนักงานโรงแรมจึงจำเป็น สำหรับ หน้า Low Season คนที่เข้ามาทำงานโรงแรมควรเข้าใจในประเด็นนี้ด้วย จะได้ปรับตัวให้ทัน
ใช่ว่าจะเป็นเฉพาะพนักงานโรงแรม อย่างเดียว อาชีพช่างต่างๆ การก่อสร้างก็ต้องเข้าใจไว้ด้วยว่า เศรษฐกิจภูเก็ตมันเป็นเช่นนี้จริงๆ
ผู้เขียนจึงอยากให้ผู้ที่เข้ามาหางานทำในภูเก็ต ควรจะมองหา อาชีพเสริม หรือ หากเข้ามาเป็นครอบครัว เช่น มี ภรรยาหรือสามี ควรให้หาอาชีพเสริมรองรับไว้ อาจจะขายของอะไรก็ได้ที่ถนัด รับงานมาทำที่บ้าน มองหาของ ค้าขายอะไรดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น